

1 |
การส่งเสริมความผาสุกของพนักงาน |
พนักงานถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมชื่อเสียงและภาพลักษณ์ขององค์กร อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จ ให้กับองค์กร ซึ่งการบริหารจัดการสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและเหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลประกอบการที่ดีให้กับบริษัท ดังนั้น เสริมสุขจึงมีนโยบายที่ช่วยสนับสนับความผาสุกของพนักงาน โดยครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้
2 |
การสร้างโอกาสไร้ขีดจำกัด |
เสริมสุขให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการเสริมสร้างศักยภาพองค์กร จึงได้จัดตั้งหน่วยงานกลางเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย ในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนขององค์กรในแต่ละด้านอย่างชัดเจน
อาทิ Sermsuk Training, Share Service, Manpower Planning & Recruitment และ Compensation & Benefits
ซึ่งทุกหน่วยงานจะทำงานร่วมกับทรัพยากรบุคคลในโรงงานและสาขาต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า Human Capital Business Partner (HCBP)
เพื่อกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลตามกระบวนการบริหารจัดการที่มีจุดมุ่งหมาย ในการสนับสนุนกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ทางธุรกิจขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการบุคลากร
เสริมสุขมุ่งมั่นในการมอบโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดให้พนักงาน โดยส่งเสริมความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วมในธุรกิจ เพื่อให้พนักงานมีโอกาสเติบโตในสายอาชีพอย่างเท่าเทียม พร้อมสร้าง Culture of ONENESS ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของบุคลากรและความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมให้พนักงานรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยกำหนด 5 กลยุทธ์ในการบริหารจัดการบุคลากร ดังนี้
3 |
การส่งเสริมสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภค |
สุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นประเด็นที่เสริมสุขให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นผลิตเครื่องดื่มคุณภาพสูง ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ ด้วยการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง โดยคำนึงถึงจริยธรรมเป็นที่ตั้ง พร้อมกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดและติดตามการดำเนินงานทั้งหมดอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ จนถึงการขนส่ง โดยนำมาตรฐานสากล เช่น FSSC 22000 และ NSF มาใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย ของผลิตภัณฑ์
นอกเหนือจากการควบคุมคุณภาพการผลิตที่เข้มงวดแล้ว ทางบริษัทยังมีทีมงานวิจัยและพัฒนาสินค้าสุขภาพที่มีความปลอดภัยและคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังมีการศึกษาร่วมกับคู่ค้าที่มีความชำนาญและมีเทคโนโลยีในการลดปริมาณน้ำตาล เพื่อช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาลให้มีรสชาติหวานและเนื้อสัมผัส ใกล้เคียงกับการใช้น้ำตาล ตลอดจนเป็นรสชาติที่ถูกใจของผู้บริโภค
นอกจากนี้ เสริมสุขยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่หลากหลาย พร้อมส่งเสริมความรับผิดชอบและความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเปิดเผยข้อมูลทางโภชนาการบนฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังได้ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยในการแสดงข้อมูลโภชนาการผ่านระบบคิวอาร์ โค้ด (QR Code) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลโภชนาการได้สะดวกผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ
เอส โคล่า สูตรใหม่
ในปี 2566 เอส สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาด ด้วยการรีแบรนด์ดิ้ง ปรับสูตร ปรับโฉมใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Born to be Awesome เกิดมาซ่า..กล้าเป็นตัวเอง”
ซึ่ง เอส โคล่า สูตรใหม่ ได้รับการปรับตามคำแนะนำของผู้บริโภค โดยทางทีมพัฒนาสินค้า ได้คัดเลือกเครื่องเทศ (Spice) หลักยอดนิยมของชาวเอเชีย ทั้งซินนามอน กานพลู และเมล็ดโคล่า ผสมผสานอย่างลงตัวจนได้รสชาติกลมกล่อม หอม อร่อย ซ่า สดชื่นขึ้น
ทั้งนี้ เอส โคล่า สูตรใหม่ ได้ผ่านการวิจัยผลิตภัณฑ์ด้านความพึงพอใจจากผู้บริโภคทั่วประเทศร่วมกับบริษัท อิปซอสส์ ประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ
เสริมสุข มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยได้รับการรับรองเครื่องหมายทางเลือกเพื่อสุขภาพ (Healthier Choice) จากสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค
การลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์
เสริมสุข ให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มรักสุขภาพมากขึ้น จึงมีการปรับลดปริมาณน้ำตาลในสินค้ากลุ่มน้ำอัดลม โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทคำนึงถึง คือ การรักษารสชาติดั้งเดิมของสินค้า ซึ่งมีความอร่อยและให้ความสดชื่น อีกทั้งสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ
หลังจากปรับลดปริมาณน้ำตาล พบว่า สินค้าสามารถตอบสนองกระแสผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและกังวลเรื่องการบริโภคน้ำตาลได้เป็นอย่างดี โดยยังคงความอร่อย สดชื่น และดีต่อสุขภาพ ดื่มได้บ่อย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลและพลังงาน
4 |
การส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชน |
เสริมสุขดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เสริมสุขได้นำเกณฑ์การตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนมาใช้ พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากล ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) หลักการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights) และปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (The International Labour Organization Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) ตลอดจนจัดการประเด็นสำคัญให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมีการทบทวนเป็นประจำทุกปี ครอบคลุมทุกกิจกรรมทางธุรกิจของเสริมสุข มุ่งมั่นปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ รวมถึงกิจกรรมของคู่ค้าในห่วงโซ่คุณค่า (Supplier/ Contractor in Business Value Chain) และผู้ร่วมธุรกิจ (Joint Venture)
เสริมสุขมุ่งมั่นปฏิบัติตามกรอบนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนในทุกมิติทั้งในระดับองค์กรและพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้บริหารและพนักงานของเสริมสุขมุ่งมั่นสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมในฐานะองค์กรชั้นนำที่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนส่งเสริมความเท่าเทียมและป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเชิงรุก โดยครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม รวมถึงการกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม
ทั้งนี้ เสริมสุขได้กำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าแก่สังคมในระยะยาว โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
1. ประกาศและทบทวนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายด้านการบริหารความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของบุคคลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
2. กำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงเป็นแนวทางเดียวกันทั่วทั้งองค์กร พร้อมดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
(Human Rights Due Diligence Process) ผ่านการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องโดยเน้นการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน
3. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
4. สนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการสมาคมและการรับเรื่องราวร้องทุกข์ รวมถึงจัดให้มีกลไกการรับและตอบสนองต่อข้อร้องเรียน
รวมถึงกำหนดมาตรการในการเยียวยาผลกระทบผ่านการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย กรณีเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
5. สื่อสารและจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความตระหนัก ความรู้ และความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงานทุกระดับ
เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
จากแนวทางการบริหารจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและมาตรการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เสริมสุขได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด จึงทำให้ในปี 2567 ไม่พบกรณีการร้องเรียน หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ
5 |
การพัฒนาชุมชน และสังคม |
เสริมสุขมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการ ที่มีส่วนร่วมกับภาครัฐ ภาคธุรกิจ พันธมิตร และชุมชน ในการพัฒนาและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนตามพันธกิจ “เสริมสุข เติมสุขทุกโอกาส”
โครงการและกิจกรรมสำคัญ
แนวคิด Crystal CARE สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเสริมสุขและน้ำดื่มคริสตัล ในการดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการใส่ใจในทุกขั้นตอนของกระบวนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการส่งมอบถึงมือผู้บริโภค รวมถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
เสริมสุข ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดื่มคริสตัล ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Crystal CARE” ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เสริมสุขตระหนักดีว่า การนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกหลังการบริโภคกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีระบบ แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์พลาสติกด้วย
ทั้งนี้ เสริมสุข ได้เล็งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค จึงได้ริเริ่มโครงการ “คริสตัล ขอ ขวด” ขึ้นในปี 2559 ซึ่งถือเป็นโครงการบุกเบิกด้านการรักษ์โลกในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของประเทศไทย โดยมุ่งรณรงค์และปลูกจิตสำนึกเกี่ยวกับการจัดการและคัดแยกขวดพลาสติก เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมถึงการจัดการขวดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-use Plastic Packaging) เช่น ขวดน้ำดื่ม rPET (Recycled Polyethylene Terephthalate) ที่สามารถแยกออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ตัวขวด ฉลาก และฝา เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำกลับเข้าสู่กระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีระบบ พร้อมให้ความรู้และส่งมอบ “สถานีรักษ์โลก” ซึ่งเป็นสถานีสำหรับจัดเก็บและคัดแยกขยะขวดพลาสติกให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของเยาวชน
นอกจากนี้ เสริมสุข ยังได้ยกระดับกระบวนการรีไซเคิล ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (Thai Beverage Recycle: TBR) ฝ่ายบริหารอาคารสำนักงาน (ASM) และฝ่ายสื่อสารภายในองค์กรของไทยเบฟ เพื่อต่อยอดโครงการ “คริสตัล ขอ ขวด” สู่โครงการ “คริสตัล ขอ ขวด x เก็บกลับ รีไซเคิล” ซึ่งมุ่งสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานในกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจ และเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการพัฒนาและสานต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร ด้วยการติดตั้งสถานีรักษ์โลก ณ อาคารสำนักงานต่าง ๆ ในเครือไทยเบฟ และรณรงค์ให้พนักงาน “เก็บ-แยก-ทิ้ง” ขวดน้ำดื่ม rPET หลังการบริโภค โดยขวดเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นเส้นใยพลาสติก เพื่อใช้ในโครงการผลิตผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกของไทยเบฟ ที่มีการผลิตปีละ 200,000 ผืน เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป
โดยเสริมสุขคาดหวังว่า การดำเนินโครงการนี้จะช่วยปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ให้คนไทยตระหนักถึงการบริโภคและการ “เก็บ แยก ทิ้ง” อย่างมีระบบ พร้อมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
คริสตัล ผู้นำตลาดน้ำดื่มให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทย จัดกิจกรรม CSR โรดโชว์ใน 4 เมืองใหญ่ภาคอีสาน ได้แก่ จ.ขอนแก่น จ.อุบลราชธานี จ.นครราชสีมา และจ.อุดรธานี ตอกย้ำแคมเปญ "คริสตัล ทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาวไทย" เพื่อสนับสนุนให้ชาวไทยทั่วภูมิภาคมีสุขภาพที่ดีและเข้าถึงน้ำดื่มคุณภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานซึ่งบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำมีหินปูนเจือปน ซึ่งการดื่มน้ำที่มีสิ่งเจือปนเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น จะเน้นให้ความรู้ควบคู่ความบันเทิง อาทิ เกมสนุก ๆ กับการทดสอบทุกหยดคุณภาพ ใน CRYSTAL LAB TEST กิจกรรมเช็คสุขภาพ ผ่านกิจกรรม CRYSTAL BODY CHECK-UP กิจกรรมโต้วาที นำทีมโดย นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ หมอเต้-นพ.เกียรติภูมิ สายไทย จากทีม Doctor Perfection มาร่วมแชร์ทริคการเลือกน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ
6 |
การบริหารจัดการ ความสัมพันธ์กับลูกค้า |
เสริมสุข ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเน้นการให้บริการอย่างมีคุณภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ โดยมุ่งหวังให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด สำหรับการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เสริมสุขได้ตั้งศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ผ่านระบบ Sermsuk Call Center ซึ่งเปิดให้บริการเป็นช่องทางรับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนจากลูกค้า เพื่อให้ เสริมสุข สามารถประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมดำเนินการตรวจสอบ วิเคราะห์ และหาแนวทางจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ระบบนี้ จะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจและประโยชน์สูงสุด อีกทั้ง ยังเพิ่มโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีมาตรการป้องกันการนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างยั่งยืน